http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-09-01

จะเอนเอียงต่อไป, 'ความเป็นกลาง' โดยคอลัมนิสต์ข่าวสด-มติชน

.

บทความก่อนบทความหลัก

2 มุมมองคนข่าวเครือ "เนชั่น" คำด่า "สื่อหัวหงอก" ของ "กนก" บทวิพากษ์ "สื่อโง่" ของ "นิธินันท์"
คอลัมน์ ในประเทศ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1619 หน้า 10


ภายหลังกรณีร้อนจากผลการสอบสวนของ "คณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการส่งอีเมลของนักการเมืองระบุการให้เงิน และผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน" ที่ออกมาระบุว่าการนำเสนอข่าวสารและบทความในช่วงหาเสียงเลือกตั้งของหนังสือพิมพ์ "ข่าวสด-มติชน" นั้น น่าจะมีความเอนเอียงในการก่อให้เกิดประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างเป็นระบบก็มีเสียงสะท้อนจากเพื่อนร่วมวิชาชีพสื่อมวลชนหลายรายเกิดขึ้นตามมา โดยเสียงแรกๆ ที่ดังขึ้น นั้นมีที่มาจากฝั่งเนชั่น

เมื่อ "กนก รัตน์วงศ์สกุล" ผู้อำนวยการส่วนงานผู้ประกาศข่าว และ "นิธินันท์ ยอแสงรัตน์" บรรณาธิการอาวุโสฝ่ายบริหาร บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน

แต่ด้วยมุมมองที่ผิดแผกจากกันอย่างสิ้นเชิง ดังนี้



กนกได้เขียนบันทึกลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว 2 ชิ้นติดต่อกัน เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม

โดยบันทึกชิ้นแรกมีชื่อว่า "ชาตินี้อย่าหวังจะได้เหรียญสิบจากกู" ซึ่งระบุว่า

"ผลการตรวจสอบอีเมลปริศนาจาก นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงพ่ายแพ้หมดรูป เพราะพรรคนี้ต้องสู้กับนักธุรกิจการเมืองที่รวยที่สุด มีคดีฉ้อโกงมากที่สุด สู้กับกฎหมู่ สู้กับการปล่อยข่าว-ปลุกระดม และสู้กับ ข่าวสด มติชน ไทยรัฐ ชาตินี้ผมจะไม่เสียตังค์ซื้อ น.ส.พ. ทั้ง 3 ฉบับนี้ แม้ไปเจอกล้วยแขกที่ขายตามสี่แยก ถ้าเห็นถุงใส่กล้วยแขกเป็น น.ส.พ. 3 หัวนี้ ผมก็จะไม่ซื้อกล้วยแขกเจ้านั้นด้วย"

ขณะที่บันทึกชิ้นต่อมามีชื่อว่า "เสียชาติเกิดเป็นนักหนังสือพิมพ์" ซึ่งนักอ่านข่าวชื่อดัง เขียนชื่นชมผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ที่ตั้งคำถามหลายข้อกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนนายกรัฐมนตรีต้องเดินหนี รวมทั้งสอบถามชื่อและสังกัดของนักข่าวรายนั้นจากคณะติดตามนายกฯ

ก่อนจะเปรียบเปรยว่า

"ยังมีน้องๆ นักข่าวอีกหลายคน ที่ถามอย่างมีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี มีสำนึกแยกแยะดี-เลวได้ ไม่เหมือนไอ้นักหนังสือพิมพ์หัวหงอกที่ทรยศวิชาชีพ อุตส่าห์ก่อตั้งหนังสือพิมพ์คุณภาพมา 30 กว่าปี ต้องมาเสียผู้เสียคน เดี๋ยวนี้เห็นหนังสือพิมพ์หัวนี้วางอยู่ จะถ่มถุย...ยังเสียดายน้ำลาย"



ส่วนนิธินันท์ได้เขียนข้อความต่อเนื่องกันหลายสิบประเด็นลงในสถานะเฟซบุ๊กของตนเอง ซึ่งมีรายละเอียดส่วนหนึ่งดังนี้

"เห็นด้วยว่าผลสอบมีปัญหา อ่านแล้วคลื่นไส้มาก สรุปว่าถ้าเป็น "พวกเรา" ทำอะไรก็ถูกหมด ดีหมด ถ้าทำท่าว่าไม่ใช่พวกเรา พวกมันต้องทุจริตแน่ๆ สื่อเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ เชียร์กลุ่มอภิสิทธิ์ชนออกนอกหน้า หรือด่าพรรคเพื่อไทยและชาวบ้านที่ไม่เอาด้วยกับอภิสิทธิ์ชนอย่างสาดเสียเทเสีย ใส่ร้ายป้ายสีเขาชนิดไม่มีความเที่ยงธรรมแม้แต่น้อยก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ถือเป็นสื่อดีวิเศษ แต่สื่อที่ทำต่างจากนี้ มีปัญหา พวกมันมีแนวโน้มโกง เลว..."

"สื่อทุกวันนี้ก็เหมือนกันหมด ไอ้เรื่องประเภทสื่อขายตัว รับเงิน ฯลฯ งี่เง่าเหล่านั้น มันเป็นคำใหญ่โตเอาไว้หลอกด่า เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ทุกสื่อทำมาหากินแบบธุรกิจ และอาจ "เลือกข้าง" แนวคิด อุดมคติทางการเมือง สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าสื่อทำหน้าที่สื่อหรือไม่แม้คุณจะเลือกข้างก็คือ คุณรายงานข่าวรอบด้านอย่างเที่ยงธรรมเพียงใด หรือคุณระงับใจคุณไม่ให้อคติจนกลายเป็นไส่ร้ายป้ายสี สร้างข่าวขึ้นมาเองเพื่อให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามอย่างไรมากกว่า ไอ้ประเภทมาชี้หน้าหาเรื่องกันว่า คนนั้นคนนี้เป็นสื่อเลวเพราะทักษิณ อันนี้ทุเรศ เพราะคนที่เชียร์ฝ่ายตรงข้ามทักษิณอย่างออกนอกหน้าก็มีเยอะ ทำไมไม่ด่ากันบ้างละคะ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของสองมาตรฐานในสังคมไทยที่ไร้หลักการ"

"เคสนายวิม นึกๆ ก็ประหลาดใจนะ เขียนเมลถึงหัวหน้าตัวเอง "สั่งการ" ให้ไปบอกทักษิณอย่างนั้นอย่างนี้ มันไม่เป็น "ธรรมชาติ" มากๆ

ใครสั่งทักษิณได้หรือ ทักษิณคนที่ภาพลักษณ์ชัดเจนว่า ไม่รู้จักนิ่ง ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนนี่นะ สั่งได้ แถมเงินที่ว่าจ่าย "ซื้อนักข่าว" รายละสองหมื่นนี่ก็ "ตลกมาก" และอ่านในผลสอบก็ชัดๆ ว่า แต่ละคนที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ได้รับผิดชอบข่าวประจำวันของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ เลย มองดีๆ สิคะ มันเป็นรายการ "สร้างเรื่อง" "หาเรื่อง" ชัดๆ หาเรื่องและสร้างเรื่องบนความอ่อนไหวเชิงดรามาของคนไทยเรื่อง "อุดมคติและจริยธรรมอันยิ่งใหญ่ของคนดี""


"ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า สื่อ "รับเงิน-ขายตัว" เป็นเรื่องธรรมดาตามที่ว่ากันมาเป็น cliche (ความคิดที่คร่ำครึ/ข้อกล่าวอ้างซ้ำซาก) แต่หมายความว่า ข้อกล่าวหาอย่างนั้น เป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว สื่อก็ทำงานรับเงินเดือน บริษัทสื่อก็ทำธุรกิจ การทำงานสื่อก็เป็นองค์กร เป็นระบบกองบรรณาธิการ ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องประเภท นักการเมืองไปเรียกคนทำสื่อมาสักคน จ่ายเงินแล้วบอกว่า เขียนเชียร์ฉันหน่อยนะ เพราะรูปแบบอย่างนั้นเป็นเรื่องตื้นเกินไป

"ข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่คือบริษัทสื่อรับเงินโฆษณา ฝ่ายธุรกิจซื้อพื้นที่สื่อลงโฆษณาสินค้าของตน ธุรกิจสื่อก็อยู่รอด และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรับซอง เป็นเรื่องธุรกิจ สมัยก่อน ฝ่ายโฆษณาไม่บอกฝ่ายบรรณาธิการว่าช่วยทำข่าวเรื่องนั้นเรื่องนี้ แยกกันเด็ดขาด แต่สมัยนี้ บางทีฝ่ายโฆษณาก็มาบอกฝ่ายข่าวว่าทำเรื่องนั้นนี้ให้บ้าง เส้นแบ่งข่าวกับธุรกิจมันก็ค่อยๆ บางลง

"พอถึงยุคการเมืองเข้ม ก็มีอีก สมัยที่รัฐบาลทักษิณยังไม่ถูกรัฐประหาร สื่อบางกลุ่มก็ไปประชุมร่วมกับฝ่ายจะล้มรัฐบาล วางแผนกันเสร็จสรรพ จะทำทุกวิธีล้มให้ได้ ฝ่ายธุรกิจที่เกลียดรัฐบาลก็สนับสนุนซื้อพื้นที่สื่อนั้น สื่อนั้นก็ได้โฆษณาจากฝ่ายธุรกิจที่เป็นพวกเดียวกัน พอรัฐบาลใหม่มา ก็มีงบฯ จากกระทรวงต่างๆ ให้สื่อมาจัดกิจกรรมหาเงินที่เรียกว่าจัด event อีก ถ้าไม่เกี่ยวกับทักษิณ ทำได้ ไม่มีผิดเลย ไม่มีการกล่าวหาใดๆ เลย เพราะบอกกันว่า นี่แหละธุรกิจ

"แต่พอจะหาเรื่องกัน ก็บอก นี่พวกทักษิณนี่ บริษัททักษิณ พรรคทักษิณมาซื้อพื้นที่สื่อนี้เยอะ มันต้องเข้าข้างทักษิณแน่เลย...อ้าว แล้วพวกที่ได้จากอีกฝ่ายละคะ พวกที่ร่วมประชุมวางแผนล้มรัฐบาลทักษิณล่ะ???

"สื่อที่รับโฆษณาจากฝ่ายที่เกลียดทักษิณก็บอกว่า โอ๊ย ฉันเที่ยงธรรม ฉันไม่เชียร์ประชาธิปัตย์ออกนอกหน้าหรอก ซึ่งเขาก็อาจจะพยายามเที่ยงธรรมจริง แต่ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่คิดละคะว่า สื่อที่รับโฆษณาจากฝ่ายชอบทักษิณเขาก็พูดได้เหมือนกันว่าเขาเที่ยงธรรม

"เห็นไหมว่า ความเกลียดทักษิณในสังคมไทยนี้มันทำให้คนไทยโง่และบ้ากันหมด ไร้หลักการโดยสิ้นเชิง แถมยังงี่เง่าพอที่จะยกหลักการหรูๆ คำพูดสวยๆ ใหญ่โตต่างๆ มาอ้างว่าตนเป็นคนดีกว่า มีจริยธรรมกว่า ไปข่มทับคนอื่นแบบไร้หลักการด้วย

"แน่นอนว่าคนก็อ้าง "อุดมการณ์" กันทั้งนั้น แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ นะ ควรจะตาสว่างฉลาดเฉลียว มองให้เห็นความแตกต่างระหว่างอุดมการณ์แบบอนุรักษนิยม ยอมจำนนให้อภิสิทธิ์ชนซึ่งอ้างตัวเป็นคนดีควบคุมดูแลประเทศ กับอุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตย ที่เชื่อมั่นและเคารพในเสรีภาพของปัจเจก เคารพในสิทธิเสียงของสามัญชน คนเกิดมามีเสรีภาพ เราก็มีสิทธิเลือกอุดมการณ์ของเรา มันเรื่องอะไรเอาสื่อไปมอมเมาผู้คนให้ยอมจำนน และสื่อที่อ้างอุดมการณ์เหล่านั้นก็ได้เงินสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษนิยม อย่างนี้จะถือว่า ขายตัวให้อนุรักษนิยมไหม หรือถือว่ามีอุดมการณ์ร่วมกัน"

"ถ้าอย่างนั้น มันเรื่องอะไรไปชี้หน้ากล่าวหาคนอื่นที่มีอุดมการณ์แตกต่างว่าขายตัว"


"ความคิด cliche หนึ่งที่สื่อไทยใส่หัวคนในสังคมมาตลอดเพราะคนทำสื่อจำนวนหนึ่งก็ดัน "โง่" เชื่ออย่างนั้นจริงจังก็คือ คนซื้อได้ คนไม่มีหัวคิดเป็นของตัวเอง ใครคิดอะไรไม่เหมือนเรา ไม่คิดถึงสถาบันชาติในแนวเดียวกับเรา แปลว่า มัน "ขายตัว"...คิดอัตโนมัติกันแบบนั้น

จึงไม่มีทางมองเห็นภาพรวมเลย ไม่เห็นประเด็นปัญหาจริงๆ เลย เพราะมันฝังหัวอยู่แค่นั้น ในกรอบจำกัดแค่นั้น..."

"แต่ตอนนี้ที่เราคิดว่าตลกมาก คือ วิธีและแนวคิดสอบสวนเรื่องสื่อรับสินบนจากพรรคการเมืองของสภาการหนังสือพิมพ์ ซึ่งกำลังโกโซบิ๊กไปใหญ่โต และมีคนทำสื่อกระแสหลักจำนวนมากแสดงท่าทีว่าเราต้องเป็น "เด็กดี" เชื่อฟังสภา และคณะกรรมการสอบสวนของสภาซึ่งล้วนแต่มี "คุณวุฒิสูงส่ง"...เอิ่ม...นะ...ต้องเชื่อฟัง ต้องเคารพ แม้ว่าวิธีสอบสวนจะอคติขนาดนั้นน่ะนะ "

+ + + +

2 มุมมอง จาก "2 ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อเครือเนชั่น": กนก รัตน์วงศ์สกุล และ นิธินันท์ ยอแสงรัตน์
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313757611&grpid=01&catid=&subcatid=


...................................................

จะเอนเอียงต่อไป
โดย วงค์ ตาวัน คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ในข่าวสด ออนไลน์ วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13:17 น.


เมื่อเครือข่าวสด-มติชนประกาศไม่ยอมรับการสอบสวนสื่อของอนุกรรมการฯชุดหมอวิชัย โชควิวัฒน อย่างหนักแน่น นั่นก็หมายความจะไม่ยอมให้มีการใช้วิธีการใดๆ มากดดันการเสนอรูปภาพและการพาดหัวข่าว ซึ่งเป็นเสรีภาพของสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตยได้เป็นอันขาด

ข่าวสดและมติชน จะไม่ยอมให้การสอบ สวนประหลาดๆ มาขวางกั้นการตรวจสอบผู้นำประชาธิปัตย์ จากปัญหาในช่วงปี 2553

นั่นคือเหตุการณ์ 91 ศพ

เพราะข้อกล่าวหาว่าเอนเอียงเพื่อไทยนั้น ก็เสมือนว่าไม่ยอมเอนเอียงประชาธิปัตย์

ขณะเดียวกัน ข่าวสด-มติชน ไม่สามารถเอนเอียงผู้นำประชาธิปัตย์ได้เลย จากเหตุการณ์นองเลือด

เครือนี้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเรื่อง 91 ศพอย่างเข้มข้นตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ในปี 2553 แล้ว

วิธีการนั่งนับพาดหัวข่าวและรูปภาพเฉพาะในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จึงไร้สาระ!

เป็นการตัดตอนและไม่ยอมรับรากเหง้าปัญหา

แต่พูดแล้วอดขำไม่ได้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ เคยให้สัมภาษณ์ในต้นเดือนมิถุนายนเอาไว้ว่า ข่าวสดและมติชนบิดเบือน การ"พาดหัวข่าว"และ"รูปภาพ"

ไฉนจึงกลายเป็นหัวข้อมีเดียมอนิเตอร์ โดย ฝีมือของดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ไปได้!

ดร.สมเกียรติอาจจะเก่งกาจในบางเรื่อง แต่กรณีเอาวิธีนี้มาตรวจสอบหนังสือพิมพ์ ต้องถือว่าไร้เดียงสา

ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าเขานำเสนออะไรมาต่อเนื่องขนาดไหน

มิหนำซ้ำ การตรวจสอบ"พาดหัวข่าว"และ"รูปภาพ" ที่อภิสิทธิ์พูด อนุกรรมการสอบจึงทำ อย่างตรงกันพอดีเสียอีก

เอาเถิดวันนี้ข่าวสดและมติชน ประกาศเดินหน้า ทำงานในเรื่องที่เรามุ่งมั่นต่อไป

ไม่หวั่นไหวกับกระบวนการขัดขวางเสรีภาพรูปแบบใหม่ จะใช้ข้อหาเอนเอียงเอนอะไรก็ไม่อาจหยุดได้ สำหรับการตรวจสอบ 91 ศพ

แล้วนี่ผ่านไปปีเศษแล้ว คดียังไปไม่ถึงไหน!?

คนกว่า 15 ล้านอุตส่าห์เลือกพรรคเพื่อไทย ส่วนหนึ่งเพื่อให้สะสางคดีนี้

ดังนั้นการเดินทางของนักข่าว เพื่อพบปะครอบ ครัวผู้สูญเสีย นำเรื่องราวความโศกเศร้าและรอคอยความยุติธรรมจึงดำเนินต่อไป

1 ปีกว่าที่ผ่านมาเขารู้สึกอะไรกันบ้าง

เมื่อไรตัวการสำคัญจะถูกนำตัวขึ้นศาลเสียที

คงต้องขอเอนเอียงประชาชนผู้ถูกกระทำจากอำนาจรัฐอย่างถึงที่สุด!



++

' ความเป็นกลาง '
โดย ปราปต์ บุนปาน คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:00:00 น.


ผู้คนในโลกยุคปัจจุบันอาจไม่ค่อยเชื่อถือในเรื่อง "ความเป็นกลาง" กันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังน่าสนใจว่า "ความคิด" หรือ "มายาคติ" เรื่อง "ความเป็นกลาง" นั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

จากมุมมองส่วนตัว ขออนุญาตตั้งสมมติฐานว่า "ความเป็นกลาง" แบบไทยๆ น่าจะเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดกับ "การเล่นการเมือง" ผ่านท่าทีของการวางตัวอยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งหรือผลประโยชน์ต่างๆ

ปัญหาของ "ความเป็นกลาง" แบบ "อยู่เหนือความขัดแย้ง" ก็คือ

หนึ่ง คุณจะวางตัว "เป็นกลาง" อยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งได้หรือไม่? หากคู่ขัดแย้งฝ่ายหนึ่งลงมือเข่นฆ่าล่าสังหารผู้คนที่มีความคิดความเชื่อทางการเมืองแตกต่างจากกลุ่มพวกของตน

สอง เรามักพบว่าคนที่ประกาศตนว่าอยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งหรือผลประโยชน์ มิได้มีพฤติกรรมซึ่ง "ไม่ยุ่งเกี่ยว" กับความขัดแย้งหรือผลประโยชน์นั้นๆ เสมอไป

เพราะฐานะอันได้รับการกล่าวอ้าง (ทั้งโดยตนเองและผู้อื่น) ว่าเป็น "คนที่ดีกว่า" "มีคุณธรรมมากกว่า" หรือ "ดูคล้ายจะข้องแวะกับเรื่องราวทางโลกย์อันสกปรกโสมมน้อยกว่า" ได้กลายเป็นฐานความชอบธรรมให้คนกลุ่มนี้สามารถลงมากำกับ/ควบคุม/จัดการความขัดแย้งต่างๆ และได้รับผลประโยชน์มากมายเป็นการตอบแทน

การฉีกรัฐธรรมนูญ การละเมิดหลักการพื้นฐานในการบริหารปกครองบ้านเมืองนานัปการ นับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายนเป็นต้นมาจนเกิดข้อครหาเรื่อง "2 มาตรฐาน" ล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของ "คนดี" "คนกลาง" ที่อยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งหรือผลประโยชน์ทางการเมืองกลุ่มนี้ทั้งนั้น

สาม เมื่อสังคมไทยมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้พลเมืองของตนมีอุดมการณ์ทางด้านการเมือง-สังคม-วัฒนธรรม ได้เพียงแบบเดียว

เราก็เลยมี "คนกลาง" ซึ่งอยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งหรือผลประโยชน์เพียงกลุ่มเดียว ที่ยึดมั่นถือมั่นใน "ความเป็นชาติแบบหนึ่ง" "จุดยืนทางการเมืองแบบหนึ่ง" "หลักจริยธรรมคุณธรรมแบบหนึ่ง" (และสังกัดอยู่ใน "ขั้วความขัดแย้ง" ฝ่ายหนึ่ง)มาคอยทำหน้าที่พิพากษาตัดสินปัญหาความขัดแย้งต่างๆ จาก "โลกทรรศน์" และ "ชีวทรรศน์" เฉพาะตน

โดยไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจวิธีการมองโลกและวิถีการดำเนินชีวิตของผู้อื่นฝ่ายอื่นแต่อย่างใด

ทั้งๆ ที่บ่อยครั้งปัญหาเหล่านั้นมักเป็นเรื่องราวในเชิง "คุณค่า" และ "ความคิดความเชื่อ" แบบ "สัมพัทธ์" มิใช่ "สัมบูรณ์"

ขอเพียงแค่กล่าวอ้างว่าข้าพเจ้าอยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งและผลประโยชน์ทั้งปวง หรือข้าพเจ้ากำลังสวมเสื้อคลุม "ความเป็นกลาง" ที่ "ขาวสะอาด" ปราศจากมลทินเท่านั้น ก็เป็นอันจบกัน

คำถามก็คือ ถ้า "ความเป็นกลาง" หมายถึง การแสร้งวางตัวอยู่ "เหนือ" ความขัดแย้งและผลประโยชน์เช่นนี้

"ความเป็นกลาง" ดังกล่าวจะยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่? และมีความชอบธรรมแค่ไหน? ในสังคมไทยร่วมสมัย

และสื่อมวลชนเองยังต้อง "เป็นกลาง" อีกหรือ? หากต้องประพฤติตนเยี่ยง "รากษส" ที่จำแลงร่างเป็น "ฤๅษี" เช่นนั้น

คำถามต่อมาคือ ถ้าสื่อมวลชนต้องเลือกข้างกันจริงๆ แล้วสื่อจะเลือกยืนอยู่ข้างใคร

จะยืนหยัดสอพลอ "ประชาชน" เสียงข้างมาก

หรือสอพลอใครอื่น ?


+ + + +

ก่อนจะมี "สภา น.ส.พ." โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315563062&grpid=&catid=02&subcatid=0207

"เครือมติชน" ยื่นลาออกจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ชี้องค์กรวิชาชีพถูกบิดเบือนด้วย "การเมืองภายนอก"
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315383349&grpid=&catid=03&subcatid=0305

• คณะอนุกรรมการฯ สภาการหนังสือพิมพ์ ออกคำชี้แจงต่อแถลงการณ์เครือมติชน-ข่าวสด
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314276084&grpid=01&catid=&subcatid=

• "ดร.ทวีศักดิ์ เผือกสม"ละอายผลสอบ "สื่อ" ทิ้งบอร์ดไม่ร่วมงาน"หมอวิชัย" อับอายผลสอบสวนสื่อชุด 'วิชัย โชควิวัฒน' ผช.ดร.ทวีศักดิ์ เผือกสม ยื่นจดหมายลาออกจากกรรมการสถาบันพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทยที่หมอวิชัยเป็นรองประธาน ระบุไม่เป็นธรรมมีอคติ ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314243934&grpid=03&catid=&subcatid=

• จับกระแสร้อนผลสอบสภาการนสพ.: ส.ส.ปชป.อภิปรายในสภา, นักวิชาการลาออกประท้วง "หมอวิชัย" และสื่อไทยยุคมิลเลนเนียม
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314192088&grpid=01&catid=&subcatid=

• ชี้สอบสื่อไม่เป็นธรรม "เจ๊ยุ"นักข่าวอาวุโส เตือน"อนุกก."แล้ว เข้าทางการเมือง
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314157812&grpid=no&catid=&subcatid=

• เหาะเกินลงกา โดย ฐากูร บุนปาน
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314110914&grpid=no&catid=&subcatid=

• "สุขุม นวลสกุล"ระบุ"มติชน-ข่าวสด"ค้านทุกรัฐบาล กก.ผจก.มติชน"ย้ำออกแถลงการณ์เพื่อปกป้องวิชาชีพฯ สภาการหนังสือพิมพ์ฯออกแถลงการณ์ รับรองรายงานอนุกรรมการสอบอีเมล์ฉาวแล้ว ยันคณะอนุ กก.ทำหน้าที่ปราศจากอคติ "กก.ผจก.มติชน"ย้ำออกแถลงการณ์เพื่อปกป้องวิชาชีพที่มีความเป็นอิสระ เสรีภาพ
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314018735&grpid=no&catid=&subcatid=

• แถลงการณ์เครือมติชน-ข่าวสด ต่อรายงานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งอีเมลของนักการเมืองฯ
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313748368&grpid=no&catid=&subcatid=

• “ใบตองแห้ง”ชำแหละผลสอบอนุกรรมการชุด”หมอวิชัย” : สภาโจ๊กปั้นสิบ Nonsense และมอนิเตอร์ตัดตอน
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313912357&grpid=no&catid=&subcatid=

• "เครือมติชน" ชี้แจงผลสอบสภาการนสพ. เผยข้องใจเจตนาของคณะอนุกก.ชุด "หมอวิชัย"
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314086921&grpid=no&catid=&subcatid=

• วิธีวิทยา ตรวจสอบ วิธีวิทยา ?จินตนาการ? เหนือ ?ความจริง?
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314001151&grpid=no&catid=&subcatid=

• สภาการฯช่วยด้วย โดย นฤตย์ เสกธีระ max@matichon.co.th
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314003921&grpid=no&catid=&subcatid=

• กรณีผลสอบอีเมล์ จับตา การเมือง ฉกฉวย คุกคามสื่อ
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313910817&grpid=no&catid=&subcatid=

• "หมาป่า"กับ"ลูกแกะ" โดย สรกล อดุลยานนท์
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313824447&grpid=no&catid=&subcatid=

• 2 มุมมอง จาก "2 ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อเครือเนชั่น": กนก รัตน์วงศ์สกุล และ นิธินันท์ ยอแสงรัตน์
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313757611&grpid=01&catid=&subcatid=

• เปิดผลสอบ"นพ.วิชัย โชควิวัฒน"กรณีสอบอีเมลการเมืองโยงสื่อรับเงิน
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313752067&grpid=no&catid=&subcatid=

• เปิดจม.ส่วนตัว "นพ.วิชัย โชควิวัฒน" ถึง "อภิสิทธิ์" เมื่อปี 52 เสนอตั้ง "หมอชูชัย" เป็นปลัด สธ.
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313676225&grpid=&catid=02&subcatid=0202


.